น้ำหอมแห่งโชค New! Lembic English Lily of the Valley & Kensington Gardens
ว่ากันว่าชีวิตบทใหม่จะเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อเราแต่งงานการแต่งงานจึงเป็นเหมือนพิธีการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิต ส่วนใครที่เคยผ่านงานแต่งมา จะรู้ว่ารายละเอียดเยอะมากมายจริงๆ
ใช่ค่ะ! นั่นแค่งานแต่งแบบสามัญชนทั่วไปแบบเราๆท่านๆ นะคะแล้วถ้างานแต่งในกลุ่มชนชั้นสูงอย่างสมาชิกในราชวงศ์ (The Royal Wedding) บอกได้เลยว่า ไม่ว่าจะประเทศไหน ก็มีรายละเอียดและความงดงามในแบบของตนเอง

The Royal Wedding of Prince William and Kate Middleton
การเรื่องเล่าจากแบรนด์ [ Brand Story ]
ใครไม่อยากอ่านข้ามได้ แต่อ่านไว้เมาส์ต่อเถอะ
แต่วันนี้ต่ายจะไม่พาไปเจาะลึกทุกมิติหรอกนะคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต่ายแค่จะหยิบเรื่องหอมๆของ #ช่อดอกไม้เจ้าสาว ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษมาเมาส์มอยกันค่ะ
จริงๆแล้ว ถ้าพิจารณาตามประวัติศาสตร์ จะพบว่า จะมีดอกไม้ 5 ชนิดที่นิยมนำไปจัด ช่อดอกไม้เจ้าสาว (Bridal Bouquet) สำหรับสมาชิกในราชวงศ์ค่ะ เหตุที่ต้องใส่ใจกับ ช่อดอกไม้เจ้าสาว ขนาดนี้ ก็เพราะ ช่อดอกไม้เจ้าสาว ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำอวยพรเพื่อส่งต่อพรวิเศษถึงหญิงสาวที่ได้รับช่อดอกไม้
ดอกไม้ทุกดอกจึงเหมือนพร้อมใจกันมอบ “ความโชคดีในรักเเละการเเต่งงาน” ให้กับผู้รับค่ะ
ในการจัดช่อดอกไม้เจ้าสาวของราชวงศ์อังกฤษเป็นอะไรที่งดงามและเต็มไปด้วยความหมาย และนี่คือ 5 ดอกไม้หลักที่นิยมใช้ในช่อดอกไม้ค่ะ:
1. Myrtle (ดอกไม้ที่เป็นขนบงานแต่งของราชวงศ์ เริ่มตั้งแต่สมัยพระนางวิกตอเรีย), 2. Lily of the Valley (ดอกไม้แห่งโชคและระฆังวิวาร์ ยังไงก็ต้องมี)
3. White Lilies ตัวแทนความหอมหวานของงานวิวาร์
4. White Roses ตัวแทนความรักบริสุทธิ์ของหญิงสาว
5. White Forget Me Nots (ดอกไม้ทรงโปรดในเจ้าหญิงไดอาน่า)
ความน่ารักในยุคปัจจุบันก็คือ เจ้าสาวและเจ้าบ่าวเข้ามามีบทบาทในการเลือกดอกไม้เพื่อสื่อถึงอีกฝ่ายค่ะ! เช่นตอนงานแต่งของเจ้าชายวิลเลี่ยมกับเคทมิดเดลตัน (Duke and Duchess of Cambride) เคทใช้ Sweet Wiiliam เป็นหนึ่งในดอกไม้ในช่อค่ะ หรือ ตอนงานแต่งของเจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน (Duke and Duchess of Sussex) เจ้าชายแฮร์รี่ข่าวว่านางลงไปตัดดอก Forget Me Nots และอื่นๆด้วยพระองค์เองเลยค่ะ

Lily of the Valley ระฆังน้อยแห่งหุบเขาและวังหลวง
ดอกระฆังแห่งหุบเขา (Lily of the Valley) มีกลิ่นหอมหวานตามธรรชาติ ถือเป็นดอกไม้ที่หายากและราคาแพงเพราะน้องบานปีละไม่กี่วันค่ะ (นี่สินะหลายๆแบรนด์แพงจึงชอบใช้น้อง) นอกจากนี้ยังได้ข่าวว่าที่สวนดอกไม้วังเคนซิงตันช่วง May ก็คือสะพรั่งไปด้วยดอกลิลลี่ออฟเดอะวัลเล่ย์ แล้วส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่ว ตำนานว่ากันว่าหากเราพบช่อดอกที่มีจำนวน 13 ดอก จะถือเป็นคำอวยพรให้เราโชคดีด้วยนะคะ

แรงบันดาลใจจากสวนในวังสู่น้ำหอมในขวดของ Lembic
ใครที่เป็นแฟนน้ำหอม White Floral ต้องประทับใจกับการปรุงกลิ่นนี้ของเลมบิกแน่นอนนอกจากจะเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจาก Givaudan และ Firmenich ตามมาตรฐานของแบรนด์ (นางภูมิใจนำเหนอมากเวอร์) ครั้งนี้ Lily of the Valley ยังเป็น Exclusive Accord ให้กับแบรนด์ด้วยนะคะ! เวอร์มากก! ทำให้น้ำหอมขวดนี้มีเปิดมาด้วยกลิ่นสดชื่นแบบธรรมชาติ จาก 100% Italian Bergamot Essential Oil ที่กระตุ้นให้มีชีวิตชีวาทันทีที่ได้สัมผัสกลิ่น จากนั้นจึงถึงทีของเหล่าดอกไม้ที่ค่อยๆเผยกลิ่นตามออกมาอย่างพร้อมเพรียงทั้ง ระฆังน้อย ฟรีเซีย และพีโอนี ช่วยเพิ่มความหวานตามแบบฉบับอังกฤษ กระนั้นก็ไม่ทำให้ดูหวานจนหน้าเจื่อนด้วยการเพิ่ม กลิ่นละมุนตุ่นที่อบอุ่นหัวใจด้วยกลิ่นแคชเมียร์วูด ไม้ซีด้า และไวท์มักส์ ที่เข้ามาเบลนให้ความหวานลงตัวและมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวลให้ความรู้สึกปิติยินดี สงบเสงี่ยม สง่างาม อบอุ่นหัวใจตามสไตล์ผู้อังกฤษ ทว่าแตกต่างไปจาก Lily of the valley ที่ต่ายเคยรู้จักค่ะ ให้ทุกคนจินตนาการเหมือนเราได้กลิ่นหอมนี้จากพระหัตย์ของว่าที่ราชินี ที่เราได้รับพระราชทานจุมพิตผ่านถุงมือลูกไม้สีขาว ที่อบอวนไปพร้อมกับกลิ่นของช่อดอกไม้สีขาวในมือของพระนางค่ะ

Notes in the Bottle
Top: 100% Italian Bergamot EOs, Red Berry
Middle: Lily of the Valley, Freesia, English Pink Peony
Base: Cashmere Wood, Cedar Wood, Silken Musk


Performance
สำหรับต่ายรู้สึกจะติดทนบนผิวประมาณ 5ชม. ในห้องแอร์ค่ะ คาดว่าถ้าออกแดดน่าจะไปไวกว่านี้ ส่วนการกระจายตัวก็กลางๆ ไม่ได้อึดตะปือนังอะไรมากมาย ต่ายว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ขาวที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์มากทีเดียว ไม่เหมือนลิลลี่ออฟเดอะวัลเล่ย์ที่เคยได้กลิ่นมาเลย เพราะฉะนั้นน้องจึงมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ถ้าหนุ่มๆจะใช้ ต่ายก็คิดว่าไม่แย่นะคะ ลองดูเป็นโอกาสพิเศษที่ต้องการความหวานอบอุ่นและสร้างการจดจำค่ะ
ใครที่ชอบดอกไม้ขาว ชอบ Lily of the Valley ชอบ floral woody ชอบความเริ่ดสไตล์อังกฤษ อาจจะต้องมีกลิ่นนี้ติดตู้นะคะ

เป็นไงคะ? Lily of the Valley จากแบรนด์ไทยก็เริ่ดอยู่นะคะ ว่ามะ?
Bye Now Baby
บาย นาว เบบี๋
*ประกาศอย่างเป็นทางการ*
รูปภาพและเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็ปไซต์แห่งนี้ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในทุกกรณี หากต้องการใช้งานโปรดติดต่อต่ายค่ะ